จากละครบุพเพสันนิวาสฉากโล้สำเภานั้น…เลยทำให้นึกถึงบทอัศจรรย์ในวรรณคดีไทยหลายๆ เรื่องขึ้นมาเลย วันนี้เลยรวบรวมบทอัศจรรย์เด่นโดนใจ 5 เรื่องมาฝากเพื่อนๆ กัน เราไปอ่านตัวอย่างแต่ละเรื่องใต้ภาพกันเลยค่ะ ^^
.
บทอัศจรรย์ ความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน หมายถึง “ น.บทร้อยกรองตามธรรมเนียมนิยมในวรรณคดี พรรณนาเพศสัมพันธ์ของชายหญิง มักกล่าวให้เป็นที่เข้าใจโดยใช้โวหารเป็นสัญลักษณ์หรืออุปมาอุปไมยเป็นต้น.”
.
แปลง่ายๆ ก็คือบทเลิฟซีน เข้าพระเข้านางในวรรณคดีไทยโบราณนั่นเอง ซึ่งบทอัศจรรย์นี้ในแต่ละเรื่องก็แตกต่างกันไปตามสไตล์ของผู้ประพันธ์ที่ต้องการจะสื่อออกไป โดยจะใช้การอุปมาอุปมัย บรรยายโดยใช้ธรรมชาติ ดินฟ้าอากาศ มาเปรียบเทียบพรรณาเป็นโคลงกลอนทำให้ผู้อ่านไม่สามารถแปลความแบบตรงตัวได้จึงต้องอาศัยจินตนาการในการอ่าน
.
ซึ่งบทอัศจรรย์นี้จะแทรกอยู่ในวรรณคดีไทยแทบทุกเรื่อง เช่น อิเหนา ขุนช้างขุนแผน พระอภัยมณี ลิลิตพระลอ เป็นต้น บทอัศจรรย์ถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการประพันธ์ของผู้ประพันธ์ด้วยเช่นกันเพราะนอกจากจะต้องใช้ความสามารถด้านวรรณกรรมอย่างสูงแล้วยังต้องพรรณาแสดงให้ผู้อ่านได้รับรู้ถึงอารมณ์ของตัวละครออกมาในแบบศิลปะไม่ใช่อนาจาร
บทอัศจรรย์ในวรรณคดีไทย ภาพจากหนังสือ “ผูกนิพานโลกีย์ : ตำรากามสูตรสัญชาติไทย”
บทอัศจรรย์ในวรรณคดีไทย เรื่อง พระอภัยมณี
-พระอภัยมณี-
๏ เกิดกุฬาคว้าว่าวปักเป้าติด กระแซะชิดขากบกระทบเนียง
กุฬาส่ายย้ายหนีตีแก้เอียง ปักเป้าเหวี่ยงยักแผละกระแซะชิด
กุฬาโคลงไม่สู่คล่องกระพร่องกระแพร่ง ปักเป้าแทงตะละทีไม่มีผิด
จะแก้ไขให้หลุดสุดความคิด ประกบติดตกผางลงกลางดินฯ
๏ พลางอุ้มจุมพิตสนิทถนอม งามละม่อมละมุนจิตพิสมัย
ร่วมภิรมย์สมสองทำนองใน แผ่นดินไหวจนกระทั่งหลังอานนท์
ในนทีตีคลื่นเสียงครื้นครึก ลั่นพิลึกโลกาโกลาหล
จิ๊บดนตรีปี่พาทย์ระนาดกล ไม่มีคนไขดังเสียงวังเวง
อัศจรรย์ลั่นดังระฆังฆ้อง เสียงกึกก้องเก่งก่างโหง่งหง่างเหง่ง
ปืนประจำกำปั่นก็ลั่นเอง เสียงครื้นเครงครึกโครมโพยมบน
สุนีบาตฟาดเสียงเปรี้ยงเปรี้ยงเปรื่อง กระดองเดื่องดินฟ้าเป็นห่าฝน
ทุกธารถ้ำน้ำพุทะลุล้น ท่วมถนนแนวฝั่งเกาะลังกาฯ
บทอัศจรรย์ในวรรณคดีไทย เรื่อง อิเหนา
-อิเหนา-
(เป็นฉากที่อิเหนามาลักพาตัวบุษบาไป)
๏ ว่าพลางโอบอุ้มอรทัย ขึ้นไว้เหนือตักสะพักชม
เอนองค์ลงแอบแนบน้อง เชยปรางพลางประคองสองสม
คลึงเคล้าเย้ายวนสำรวลรมย์ เกลียวกลมสมสวาทไม่คลาดคลาย
กรกอดประทับแล้วรับขวัญ อย่าตระหนกอกสั่นนะโฉมฉาย
ฤดีดาลซ่านจับเนตรพราย ดังสายสุนีวาบปลาบตา
ฟ้าลั่นครั่นครืนคำรนเสียง ก้องสนั่นสำเนียงในโวหาร
ชอุ่มคลุ้มดวงพระสุริยา เมขลาล่อแก้วแววเวียน
รามสูรขว้างขวานทะยานไล่ ว่องไวเลี้ยวลัดฉวัดเฉวียน
หมายมิ่งชิงช่วงดวงวิเชียร หันเหียนเวียนวิ่งเป็นสิงคลี
พระพิรุณร่วงโรยโปรยต้อง มณฑาทองทิพรสสดศรี
ขยายแย้มผกาสุมาลี ภุมรีภิรมย์ชมชิด
สององค์ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ ดังได้เสวยสวรรค์ชั้นดุสิต
ต่างแสนเสน่หากว่าชีวิต สมคิดเพลิดเพลินเจริญใจฯ
บทอัศจรรย์ในวรรณคดีไทย เรื่อง ขุนช้างขุนแผน
ขุนช้างขุนแผน
-ตอนพลายแก้วเข้าห้องนางพิม-
๏ ว่าพลางโลมเล้าเอามือลูบ ประจงจูบแก้มซ้ายแล้วย้ายขวา
อกแอบอิงสวาทไม่คลาดครา แนบหน้ามือประคองให้น้องนอน
กำเริบราคเสียวกระสันประหวั่นจิต หวุดหวิดวุ่นวายกายกระฉ่อน
พระพายพัดซัดคลื่นให้สาคร กระท้อนกระทบกระทั่งฝั่งกระเทือน
เรือไหหลำแล่นล่องเข้าคลองน้อย ฝนปรอยฟ้าลั่นสนั่นเลื่อน
ไต้ก๋งหลงบ่ายศีรษะเชือน เบือนเข้าติดตื้นแตกกับตอฯ
-ตอนพลายแก้วเข้าห้องนางสายทอง-
(เข้ามาโดยการเป่าคาถาสะเดาะกลอนในคืนเดียวกันเลย ปิดท้ายล่มปากอ่าวซะงั้น 555)
๏ พลางเป่าปัถมังกระทั่งทรวง สายทองง่วงงงงวยระทวยนิ่ง
ทำตาปริบปรอยม่อยระวิง เจ้าพลายอิงเอนทับลงกับเตียง
ค่อยขยับจับเขยื้อนแต่น้อยน้อย ฝนปรอยฟ้าลั่นสนั่นเปรี้ยง
ลมพัดซัดคลื่นสำเภาเอียง ค่อยหลีกเลี่ยงแล่นเลียบตลิ่งมา
พายุหนักชักใบได้ครึ่งรอก แต่เกลือกกรอกกลับกลิ้งอยู่หนักหนา
ทอดสมอรอท้ายเป็นหลายคลา เภตราหยุดแล่นเป็นคราวคราว
สมพาสพิมดุริมแม่น้ำตื้น ไม่มีคลื่นแต่ระลอกกระฉอกฉาว
ปะสายทองดุจต้องพายุว่าว พอออกอ่าวก็พอจมล่มลงไปฯ
บทอัศจรรย์ในวรรณคดีไทย เรื่อง บุพเพสันนิวาส
-บุพเพสันนิวาส-
(ฉากโล้สำเภาที่ทำเอาชาวสยามคลั่งกันทั้งเมือง ในบทประพันธ์ก็มีบทอัศจรรย์แทรกไว้ดังนี้)
๏ โล้สวาทวาดใบสำเภาพลิ้ว ระเรื่อยลิ่วคลองแคบคละขัดขึง
น้ำเจือน้อยค่อยวางทางติดตรึง ขยับหายโยกคลึงคราคลื่นมา
เมื่อผ่านช่องเข้าอ่าวคราวน้ำขึ้น พาหายมึนสอดส่องทั้งซ้ายขวา
ข้ามนทีสรวงสรรค์ทุกชั้นฟ้า สมอุราซานซบสยบทรวงฯ
บทอัศจรรย์ในวรรณคดีไทย เรื่อง ลิลิตพระลอ พระเพื่อนพระแพง
-ลิลิตพระลอ-
(เป็นฉากที่ พระลอ พร้อมพี่เลี้ยงนายแก้วนายขวัญ ตามไก่มาแล้วปลอมตัวเข้าไปเที่ยวในสวนของเพื่อนแพง
แต่ด้วยไฟรักร้อนรุ่ม เพื่อนแพงจึงรบเร้าให้นางรื่นนางโรยเดินทางไปตามหาพระลอที่สวน แล้วมาพบกับนายแก้วนายขวัญที่กำลังเล่นน้ำอยู่จากนั้นก็ยังไม่ทันถามชื่อแซ่…)
๏ นางโรยนางเรียกด้วย………….คำงาม
ขวัญอ่อนดั่งขวัญกาม……………ยั่วแย้ม
ใบบัวหนั่นหนาตาม……………….กันลอด ไปนา
หอมกลิ่นบัวรสแก้ม………………กลิ่นแก้มไกลบัว
๏ ใบบัวบังข้าขอบ……………….ใจบัว
ดอกดั่งจะหัวรัว………………….เรียกเต้า
เชยชมภิรมย์ชัว…………………..ซมซาบ บัวนา
ถนัดดั่งเรียมชมเจ้า………………พี่เหล้นกับตน
๏ บัวนมบัวเนตรหน้า……………บัวบาน
บัวกลิ่นขจรหอมหวาน…………..รสเร้า
บัวสมรละลุงลาญ………………..ใจบ่า นี้นา
บัวบาทงามจวบเท้า………………เกศแก้วงามจริง
๏ โกมุศกาเมศแก้ว……………….โกมล พี่เอย
หอมกลิ่นจงกลกล………………..กลิ่นแก้ว
จงกามินีปน…………………………รสร่วม กันนา
จงกอบอย่ารู้แคล้ว………………..ก่อเกื้อกรีฑา
๏ สรนุกบัวซ้อนดอก…………….บัวพระ พี่นา
ปลาช่อนปลาไซ้พระ…………….ดอกไม้
สลิดโพตะเพียนพะ………………กันชื่น ชมนา
รวนเพรียกแนมหลิ่งไสร้………..เหยื่อหย้ามฟูมฟอง
๏ สนุกข้างนี้แนบ…………………จอมใจ พี่เอย
สองสนุกกันใน……………………..ฝ่ายนั้น
ทำขวัญสนุกใด……………………..จักดุจ นี้เลย
หนีซอกซอนซ้ำหั้น………………..เชิดชู้เทียมรงค์
๏ สรงสนุกน้ำแล้วกลับ…………..สนุกบก เล่านา
สองร่วมใจกันยก…………………..ย่างขึ้น
ขึ้นพลางกอดกับอก………………..พลางจูบ
สนุกดินฟ้าฟื้น……………………….เฟื่องฟุ้งฟองกาม
๏ สองนางนำแขกขึ้น…………….เรือนสวน
ปัดฟูกปูอาสน์ชวน……………….ชื่นชู้
สองสมพาสสองสรวล…………..สองเสพย์
สองฤดีรสรู้………………………….เล่ห์พร้อมเพรียงกัน
๏ เสร็จสองสมพาสแล้ว…………กลกาม
สองอ่อนสองโอนถาม……………ชื่อชู้
สองมาแต่ใดนาม……………………ใดบอก ราพ่อ
ให้แก่สองเผือรู้………………………ชื่อรู้เมืองสอง
(บทสุดท้ายนี่จึงได้รู้ว่าเสร็จกิจเรียบร้อยจึงค่อยถามชื่อ อิอิ)
ปล.แอดมีใส่รูปหนังสือแต่ละเรื่องลงในภาพเผื่อเพื่อนๆ คนไทยสนใจตามอ่านด้วยค่ะ ^^
.
จะขอบคุณอย่างยิ่ง ถ้าเพื่อนๆ ช่วยกันแนะนำหนังสือน่าอ่านมาในคอมเม้นด้วย
ตูนจะได้ตามไปหามาอ่านและเก็บใส่ห้องสมุดส่วนตัวนะคะ
ตูน (แอดมิน)
#โลกของนักอ่าน